วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559

Battalion 1944 เกม FPS พาผู้เล่นกลับไปในสงครามโลกครั้งที่ 2

Emod


ขณะที่เกมเดินหน้ายิงหลายเกมกำลังมุ่งเน้นไปที่โลกอนาคตกันมากขึ้นจนเกลื่อนตลาด การสวนกระแสอาจเป็นโอกาสที่ทำให้เกมที่ไม่รู้ใครจักโด่งดังขึ้นมาได้ง่ายๆ ซึ่ง Battalion 1944 ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ตอนนี้สื่อต่างประเทศให้ความสนใจกันมากทีเดียวครับ
Battalion 1944 เป็นเกมออนไลน์จาก Bulkhead Interactive สตูดิโอที่เคยมีผลงานอย่าง Pneuma: Breath of Life เป็นเกมที่จะพาผู้เล่นย้อนกลับไปในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 และรำลึกถึงเกมชูตติ้งออนไลน์ฉบับคลาสสิคในระดับเน็กซ์เจน พัฒนาลง PS4, Xbox One และ PC
Battalion 1944 กำลังอยู่ในการพัฒนาช่วงอัลฟ่าที่ต้องการแรงสนับสนุนจากแฟนๆ เพราะตอนนี้ทีมสร้างกำลังเปิดระดมทุนอยู่บนเว็บไซต์ Kickstarter ต้องการงบประมาณอย่างต่ำ £100,000 หรือประมาณ 5 ล้านบาทเพื่อพัฒนาให้เสร็จ

Cr : 4gamerth

เผยสเปคอย่างเป็นทางการของ Need For Speed E3

Emod


ก่อนที่เกม Need For Speed จะวางจำหน่ายบน PC วันที่ 15 มีนาคมนี้ ล่าสุด Electronic Arts ได้ปล่อยความต้องการระบบออกมาให้ได้เตรียมความพร้อมกันก่อนแล้วครับ โดยที่สเปคขั้นต่ำสำหรับการเล่นที่ความละเอียด 720p และ 30fps ส่วนขั้นแนะนำสำหรับ 1080p และ 60fps
ขั้นต่ำ
  • OS: 64-bit Windows 7 or later
  • Processor: Intel Core i3-4130 or equivalent with 4 hardware threads
  • Memory: 6GB RAM
  • Graphics Card: NVIDIA GeForce GTX 750 Ti 2GB, AMD Radeon HD 7850 2GB, or equivalent DX11 compatible GPU with 2GB of memory
  • Hard Drive: 30 GB free space
ขั้นแนะนำ
  • OS: 64-bit Windows 7 or later
  • Processor: Intel Core i5-4690 or equivalent with 4 hardware threads
  • Memory: 8GB RAM
  • Graphics Card: NVIDIA GeForce GTX 970 4GB, AMD Radeon R9 290 4GB, or equivalent DX11 compatible GPU with 4GB of memory
  • Hard Drive: 30 GB free space
จอยพวงมาลัยที่รองรับ
  • Logitech G27
  • Logitech G29
  • Logitech G920
  • Thrustmaster TX
  • Thrustmaster T150
  • Thrustmaster T300
  • Thrustmaster T500
  • Fanatec CSR

Cr : 4gamerth

ทีมพัฒนา Life is Strange เปิดตัวเกมแนว RPG (Vampye)

Emod



มาไกลเหมือนกันนะจากเกม Adventure เกี่ยวกับวัยรุ่นสาวที่มาพร้อมพลังย้อนเวลา สู่เกม RPG มืดมนนำเสนอแวมไพร์ผีดูดเลือดDontnod Entertainment ได้ออกมาเปิดตัวเกมใหม่แล้ว มันมีนามว่า ‘Vampye’
แม้ว่าทาง Dontnod Entertainment จะยังไม่ได้กล่าวอะไรมากนัก แม้แต่เว็บไซต์ของเกม vampyr-game.com ก็ยังเป็นแค่ที่ชั่วคราว ที่พอจะรู้เกี่ยวกับเกมนี้ก็เห็นจะมีแต่ที่ว่านี่เป็นเกม RPG อย่างเดียว แต่ด้วยภาพชุดแรกที่ทาง Dontnod Entertainmentเผยออกมานั้นก็พอจะให้เราได้เห็นภาพแล้วล่ะ ดูจากงานศิลป์แล้วสันนิษฐานได้ว่าตัวเกมจะตั้งอยู่ในประเทศอังกฤษแน่นอน และน่าจะอยู่ในยุคช่วงต้นคริสต์ศรวรษที่ 20 ครับ นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีข่้อมูลอะไรเพิ่มเติม โดยเกมจะวางจำหน่ายภายในปี 2017 ครับ


Cr : juropy

Forza 6 เตรียมลง PC

Emod


หลังลือกันมาสักระยะว่าเกมแข่งรถชื่อดัง Forza 6 อาจจะถูกส่งลงสู่เครื่อง PC ล่าสุดมีหลักฐานสำคัญชิ้นใหม่หลุดออกมาเสียแล้ว
โดยเว็บไซต์ Seattle Times ได้เผยแพร่บทความซึ่งดูจะถูกตีพิมพ์ก่อนเวลาที่กำหนด โดยพูดถึงการไปร่วมงานเกมที่ถูกจัดขึ้นสำหรับสื่อโดยค่าย Microsoft และมีการเปิดเผยว่าทีมงานจะส่ง Forza 6 ลงสู่เครื่อง PC
สำหรับตัวเกม Forza 6 บน PC นั้นจะใช้ชื่อว่า Forza 6 Apex และปล่อยออกมาให้เกมเมอร์ได้เล่นกันฟรีๆในรูปแบบเกม Free to Play ซึ่งยังไม่มีรายละเอียดว่าจะแตกต่างกับตัวเกมฉบับเต็มในด้านใดบ้าง
Seattle Times ยังพูดถึงทิศทางในอนาคตของ Microsoft ที่ตั้งเป้า ส่งเกมดังของค่ายทุกเกมลงทั้งเครื่อง PC และ Xbox One ต่อไปในอนาคต ซึ่งก็ตรงกับข่าวล่าสุดที่มีการส่งเกม Quantum Break ลงสู่เครื่อง PC ในช่วงสัปดาห์ก่อน
Forza 6 Apex มีกำหนดออกสู่ตลาดในช่วงปลายปีนี้ครับ

Cr : gamingdose

10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลก

Emod


1. Lamborghini Veneno

Lamborghini Veneno2014
ภาพประกอบจาก autoblog
รถสปอร์ตรุ่นพิเศษจากแลมโบกินี่ (Lamborghini) ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 9 คันเท่านั้น มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6,500 ซีซี กำลัง 750 แรงม้า ตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ มีความเร็วสูงสุด 355 กม./ชม. พร้อมด้วยราคาจำหน่ายสูงถึงคันละ 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 146 ล้านบาท) แพงที่สุดในบรรดารถยนต์ที่ยังมีขายในปี 2014 เลยทีเดียว

2. Koenigsegg One:1 

Koenigsegg One-1
ภาพประกอบจาก autoblog
มาแรงแซงโค้งจริง ๆ สำหรับผู้ผลิตจากประเทศสวีเดนที่ทำรถเพียงไม่กี่ปีแต่ก็สามารถครองใจคนรัก ความเร็วได้อย่างรวดเร็ว โดยโคนิกเซกก์ วัน:1 (Koenigsegg One:1) เป็นรถที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีให้มีกำลัง 1 แรงม้า รองรับน้ำหนัก 1 กิโลกรัม ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 5,000 ซีซี ให้กำลัง 1,341 แรงม้า ส่วนน้ำหนักกอยู่ที่ 1,341 แรงม้า เช่นกัน ด้วยความสมบูรณ์แบบเช่นนี้ ราคาของมันจึงสูงถึง 2.85 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 92 ล้านบาท)

 3. Bugatti Veyron

Bugatti Veyron 2014
ภาพประกอบจาก caranddriver
ซูเปอร์คาร์ผู้เป็นเจ้าของความเร็ว 432 กม./ชม. ใช้เครื่องยนต์ W16 Quad Turbo ขนาด 8,000 ซีซี กำลัง 1,200 แรงม้า ตั้งเป้าจำหน่ายให้ได้ 500 คัน และยังเหลือีก 50 คันให้เป็นเจ้าของ ส่วนราคาเริ่มต้นที่ 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 81 ล้านบาท)

4. Ferrari LaFerrari 

Ferrari LaFerrari 2014
ภาพประกอบจาก laferrari
นับเป็นซูเปอร์คาร์รุ่นที่แรงที่สุดของเฟอร์รารี่ในปัจจุบัน โดยเป็นรถสปอร์ตรุ่นแรก ๆ ของโลกที่นำเทคโนโลยีการขับเคลื่อนแบบไฮบริดมาใช้ ผสานกำลังกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6,300 ซีซี กำลัง 963 แรงม้า ทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาต่ำกว่า 3 วินาที ทำความเร็วได้มากกว่า 350 กม./ชม. ถือเป็นรถยนต์ไฮบริดที่แรงที่สุดบนโลกในขณะนี้ ทั้งนี้ มันถูกผลิตเพียง 499 คัน เท่านั้น ส่วนราคาของมันเริ่มต้นที่ 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 52.6 ล้านบาท)

5. Pagani Huayra

Pagani Huayra 2014
ภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก PaganiAutomobili
พากานิ ไวร่า (Pagani Huayra) ซูเปอร์คาร์จากอิตาลีที่มาแรงไม่แพ้แลมโบกินีและเฟอร์รารี (Ferrari) ใช้เครื่องยนต์ V12 Bi Turbo ขนาด 6,000 ซีซี จากเอเอ็มจี (AMG) พร้อมด้วยระบบปีกรับลมอัตโนมัติ เพิ่มแรงกดเพื่อการยึดเกาะที่ดีเยี่ยม ด้านสนนราคานั้นเริ่มต้นที่ 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 45 ล้านบาท)

6. Hennessey Venom GT

Hennessey Venom GT
ภาพประกอบจาก venomgt
ใครว่าซูเปอร์คาร์มีเฉพาะในยุโรป สหรัฐฯ เองก็สร้างซูเปอร์คาร์ตัวแรงได้ดีไม่แพ้กัน ด้วย เฮนเนสซี เวนอม จีที (Hennessey Venom GT) เจ้าของความเร็ว 435 กม./ชม. ซึ่งสูงที่สุดในปัจจุบัน (แต่ยังไม่ได้การรับรองจากกินเนสส์บุ๊ก) สร้างจากโครงสร้างของโลตัส เอ็กซีก (Lotus Exige) ใช้เครื่องยนต์ขนาด 7,000 ซีซี เทอร์โบชาร์จคู่ มีกำลัง 1,244 แรงม้า ซึ่งรุ่นสูงสุดของมันมีราคาอยู่ที่ 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 38 ล้านบาท)

 7. McLaren P1

McLaren P1
ภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก McLaren Automotive
สุดยอดรถสปอร์ตจากแม็คลาเรน (McLaren) ผู้ผลิตสัญชาติอังกฤษ ทีเด็ดอยู่ที่เป็นรถสปอร์ตไฮบริดที่ออกแบบทุกอย่างเพื่อใช้น้ำมันให้คุ้มค่า ทุกหยด โดยใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 3,800 ซีซี ผสานกำลังกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังรวมกันถึง 903 แรงม้า ส่วนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 42 ล้านบาท) แพงสมกับเป็นรถสปอร์ตเทคโนโลยีใหม่จริง ๆ

8. Porsche 918 Spyder

Porsche 918 Spyder
ภาพประกอบจาก autoblog
รถสปอร์ตไฮบริดจากปอร์เช่ที่ไมได้มีดีแค่การประหยัดน้ำมัน แต่ยังมาพร้อมความแรงและฟิลลิ่งการขับขี่ที่สปอร์ตเหลือกิน เหลือใช้กับเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4,600 ซีซี จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังรวมกัน 887 แรงม้า ส่วนราคานั้นแรงสะใจที่ 929,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 30 ล้านบาท)

9. Rolls Royce Phantom

Rolls Royce Phantom
ภาพประกอบจาก rolls-roycemotorcars
รุ่นชูโรงสุดหรูของโรลส์ รอยซ์ ด้วยงานประกอบระดับเทพ วัสดุภายในคุณภาพสูง และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกจัดเต็ม ทั้งยังมีให้เลือกทั้งรุ่นคูเป้ เปิดประทุน และสี่ประตูแบบซาลูน ตามความต้องการ ใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6,750 ซีซี กำลัง 453 แรงม้า แรงกำลังดี ส่วนราคาเริ่มต้น 474,990 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 15.4 ล้านบาท)

10. Lamborghini Aventador

Lamborghini Aventador
ภาพประกอบจาก oneighturbo
ซูเปอร์คาร์กระทิงดุรุ่นยอดนิยมของค่าย ออกแบบโฉบเฉี่ยวสมกับรถสปอร์ตในปัจจุบัน ภายในหรูหราด้วยวัสดุชั้นยอด มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6,500 ซีซี กำลัง 700 แรงม้า ทำเวลาจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.9 วินาที นับว่าเร็วมากทีเดียว ด้านราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 441,600 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 14 ล้านบาท) สมกับเป็นสมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์ของมัน


งูในประเทศไทย มีกี่ประเภท มีงูอะไรบ้าง

Emod
งูในประเทศไทย
ประเทศไทยเป็นประเทศในเขตร้อนชื้นและมีฝนชุกชุม ต้นไม้ใบหญ้าและสัตว์สามารถเจริญเติบโตและแพร่พันธุ์ได้ดี และแน่นอนว่าสัตว์เหล่านี้ เช่น หนู กบ เขียน และคางคก เป็นอาหารสุดวิเศษของเหล่างูทั้งหลายด้วย นอกจากจะมีแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ บ้านเรายังมีป่าไม้และต้นไม้ให้งูได้อาศัยหลบซ่อนตัวและขยายพันธุ์ ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมประเทศไทยของเราจึงมีงูอาศัยอยู่ชุกชุมมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง

งูในประเทศไทยสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยๆได้ 2 ประเภท คือ งูมีพิษและงูไม่มีพิษ ซึ่งงูที่มีพิษนั้นมีอยู่ไม่กี่ชนิด ในขณะที่งูไม่มีพิษนั้นสามารถพบได้จำนวนมากกว่า และมีหลายหลายสายพันธุ์ (ในประเทศไทยพบงูประมาณ 300 สายพันธุ์ เป็นงูไม่มีพิษ 90%)
งูมีพิษในประเทศไทย
งูมีพิษในประเทศไทยนั้น สามารถแบ่งออกเป็น 7 สายพันธุ์หลักดังนี้
1. งูจงอาง
งูจงอาง เป็นงูมีพิษขนาดใหญ่ ขนาดลำตัวยาว 3-5 เมตร มีพิษร้ายแรงและปริมาณน้ำพิษมาก สามารถกัดคนและสัตว์ทุกชนิดให้ตายได้ในเวลาไม่กี่นาที งูจงอางสามารถพบได้ทั่วทุกภาคของไทย และเป็นงูประเภทกินงูด้วยกันเป็นอาหาร
งูจงอาง
งูจงอาง งูพิษขนาดใหญ่ มีพิษร้ายแรงมาก
2. งูเห่า
เป็นงูขนาดกลาง ความยาว 1-2 เมตร ปริมาณน้ำพิษน้อยแต่มีพิษร้ายแรงมาก โดยพิษจะเข้าไปทำลายระบบประสาท ผู้ถูกกัดจะมีอาการง่วงซึม อยากหลับ ถ้าหลับก็จะไม่ตื่นอีกเลย ผู้ที่ถูกงูเห่ากัดถ้าไม่ได้รับการปฐมพยาบาลที่ถูกต้องและไม่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็ว มักจะเสียชีวิตทุกราย งูเห่าเป็นงูที่พบได้ทั่วไปทั่วประเทศ
งูเห่า
งูเห่า งูขนาดกลางที่มีพิษร้ายแรงมาก
3. งูสามเหลี่ยม
งูสามเหลี่ยม หรือ งูทับทางเหลือง เป็นงูพิษที่พบได้ทั่วไปในทวีปเอเชีย รวมถึงประเทศไทย ลำตัวยาว 1-2 เมตร ลำตัวมีลักษณะท้องแบนและเป็นสันด้านหลัง ทำให้มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยม (ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ) พบมากในภาคใต้ของไทย (ภาคอื่นพบไม่มากนัก) กินสัตว์เล็กๆพวก นก หนู กบ เขียด เป็นอาหาร
งูสามเหลี่ยม
งูสามเหลี่ยม รูปร่างแปลกและพิษร้ายแรง
4. งูแมวเซา
เป็นงูพิษชนิดหนึ่ง ลักษณะลำตัวอ้วนป้อม ลำตัวสั้น (เมื่อโตเต็มที่จะยาวเพียง 1-1.5 เมตร) เมื่ออยู่ในลักษณะตื่นตัวมันจะสูบลมเข้าไปจนลำตัวพอง ทำเสียงร้องเหมือนแมวและส่งเสียงขู่ตลอดเวลา สามารถฉกกัดได้เร็วมาก ผู้ถูกกัดจะมีอาการเลือดไม่แข็งตัวและเลือดไหลไม่หยุด เกิดอาการไตวายเฉียบพลัน และเสียชีวิต งูแมวเซาสามารถพบได้ทั่วไปในทวีปเอเชีย
งูแมวเซา
งูแมวเซา ลำตัวอ้วนสั้น แต่ฉกกัดได้เร็วมาก
5. งูกะปะ
งูกะปะเป็นงูพิษที่พบได้ทุกภาคของไทย โดยเฉพาะในภาคใต้ มีลำตัวอ้วนสั้น คอเล็กแต่หัวโต เมื่อโตเต็มที่ยาวประมาณ 1 เมตรเท่านั้น กินสัตว์เล็กๆพวกนห หนู กบ เขียน เป็นอาหาร จัดเป็นงูที่มีพิษร้ายแรงที่สุดของไทย ผู้ที่ถูกกัดจะเกิดอาการบวมไปทั้งตัว เลือดไหลไม่หยุด บริเวณที่ถูกกัดจะบวมเขียวและเน่า และเสียชีวิตในที่สุด
งูกะปะ
งูกะปะ บริเวณที่ถูกกัดจะมีอาการบวม เขียวคล้ำ เน่า และเสียชีวิต
6. งูเขียวหางไหม้
งูเขียวหางไหม้ (Green pit viper) จัดเป็นงูพิษชนิดไม่รุนแรง กัดแล้วไม่ตาย พบได้ทั่วไปและมีหลายสายพันธุ์ในประเทศไทย มีลำตัวอวบสั้น ผิวลำตัวมีสีเขียวอมเหลือง หางสีแดงจนถึงน้ำตาลเข้ม (เป็นที่มาของชื่อ) เป็นงูที่เคลื่อนไหวช้า มีนิสัยดุร้ายฉกกัดได้เร็ว ผู้ถูกกัดจะเจ็บปวดที่แผลมาก มีอาการบวมอยู่ 2-5 วัน จากนั้นแผลจะยุบและหายเป็นปกติ
งูเขียวหางไหม้
งูเขียวหางไหม้ นิสัยดุร้าย แต่พิษอ่อน กัดไม่ตาย
7. งูทะเล
งูทะเลเป็นกลุ่มงูที่อาศัยอยู่ในทะเล กินปลาเป็นอาหาร และแทบทุกชนิดเป็นงูพิษ สามารถพบได้ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย งูทะเลที่พบมากในประเทศไทยคือ งูสมิงทะเลปากดำ ซึ่งเป็นงูทะเลที่มีพิษร้ายแรงมาก พบผู้กัดเสียชีวิตอยู่เป็นประจำ งูทะเลประเภทอื่นๆที่พบในประเทศไทย เช่น งูผ้าขี้ริ้ว งูคออ่อน งูแสม งูฝักมะรุม งูชายธง
 งูสมิงทะเลปากดำ
งูสมิงทะเลปากดำ งูทะเลที่มีพิษร้ายแรงที่สุดของประเทศไทย
งูไม่มีพิษในประเทศไทย
งูไม่มีพิษในประเทศไทยนั้นมีอยู่มากมายประมาณ 300 สายพันธุ์ บางสายพันธุ์ก็ไม่กัดหรือทำอันตรายคน แต่บางสายพันธุ์ก็กัดได้ถ้าถูกรบกวน ตัวอย่างงูไม่ไมีพิษในประเทศไทยได้แก่ งูเขียวชนิดต่างๆ งูปากจิ้งจก งูงวงช้าง งูสิง งูแส้หางม้า งูกระด้าง งูปลิง งูแสงอาทิตย์ งูลายสาบ งูดิน งูก้นขบ งูปล้องชนิดต่างๆ งูทางมะพร้าว งูกินปลา งูเหลือม และงูหลาม เป็นต้น
งูเหลือม
งูเหลือม
 
งูหลาม
งูหลาม
 
งูเขียวปากจิ้งจก
งูเขียวปากจิ้งจก
 
งูสิง
งูสิง
 
งูแสงอาทิตย์
งูแสงอาทิตย์
 
งูทางมะพร้าว
งูทางมะพร้าว
+ ขอบคุณภาพจาก siamensis.org
เมื่อถูกงูกัดต้องทำอย่างไร
ถึงแม้ว่างูในประเทศไทยจะเป็นงูไม่มีพิษเสียเป็นส่วนใหญ่ มีงูพิษอยู่ไม่กี่ชนิด แต่ถ้าเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องงู ย่อมต้องระมัดระวังเรื่องการโดนงูกัด แต่เมื่อโดนงูกัด สิ่งที่ต้องทำมีดังนี้
1. รีบหางูที่กัดให้เจอ จำเป็นต้องตีให้ตายไว้ก่อนเพื่อนำไปให้แพทย์ดู
2. เค้นเลือดบริเวณที่โดนกัด ให้เลือดจากแผนถูกกัดออกมามากที่สุด (ห้ามใช้ปาดดูดเด็ดขาด)
3. ใช้ผ้าหรือเชือกรัดเหนือแผลที่ถูกกัด เพื่อชะลอไม่ให้พิษแล่นเข้าสู่หัวใจ
4. รีบพาผู้ถูกกัดไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด และพยายามไม่ให้ผู้ถูกกัดหลับ
5. ห้ามให้ผู้ถูกกัดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้พิษแล่นเข้าสู่หัวใจเร็วขึ้น
วิธีป้องกันการไม่ให้โดนงูกัด
1. หลีกเลี่ยงการเดินไปที่รกทึบและมืด ถ้าจำเป็นให้ใช้ไม้ยาวๆเคาะนำไปก่อน
2. หมั่นตัดหญ้าในบริเวณบ้านให้สั้นเตียน เนื่องจากงูไม่ชอบอยู่ในที่โล่ง
3. นำตาข่ายมาปิดช่องระบายน้ำ เพื่อป้องกันหนูออกมาจากท่อ หนูจะเป็นตัวล่อให้งูเข้าบ้านได้ง่าย
4. ถ้าจำเป็นต้องเข้าป่าหรือที่รกทึบ ให้ใส่ร้องเท้าหนาๆ หลีกเลี่ยงการยึดจับต้นไม้ กองใบไม้หรือเนินดิน
โดยธรรมชาติของงูแทบทุกชนิดนั้น จะเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบเผชิญหน้ากับคน มักจะคอยเลื้อยหนีอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าเราเป็นฝ่ายทำให้เขาตกใจหรือเดินไปเหยียบงูเข้า งูจะฉกกัดทันที ซึ่งเป็นสัญชาตญาณการป้องกันตัวของงูนั่นเอง
ที่มา http://www.xn--12cg1cxchd0a2gzc1c5d5a.net/%E0%B8%87%E0%B8%B9%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/

15 สิ่งของ !! ที่มีแต่ อภิมหาเศรษฐี ถึง "กล้าซื้อ" แบบไม่สนใจใคร !! มึงจะแพงไปไหน!!!

Emod
อันดับ 15. ขนนก Huia – 10,000 ดอลลาร์ (ราว 350,000 บาท)

ขนนกชิ้นนี้ถือว่าเป็นขนนกที่แพงที่สุดในโลก เพรามันเป็นขนนก Huia ที่สูญพันธุืไปแล้ว นกชนิดนี้ถือว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวเผ่าเมารี ชนพื้นเมืองดั้งเดิมของประเทศนิวซีแลนด์ ขนนกนี้จะถูกใช้เพื่อเป็นเครื่องตกแต่งให้กับหัวหน้าเผ่า (ก็คล้ายๆกับมงกุฎนั่นละครับ)
อันดับ 14. ที่จอดรถในแมนฮัตตัน – 1 ล้านดอลลาร์ (ราว 35 ล้านบาท)

เห็นแบบนี้ก็เถอะครับ ถึงจะเป็นแค่ที่จอดรถแคบๆ แต่กลับมีราคามากกว่าบ้านที่พักอาศัยทั่วไปในอเมริกาถึง 6 เท่าเลยทีเดียว! ทำยังไงได้ละครับ ใจกลางเมืองแมนฮัตตัน ย่านมั่งคั่งและรุ่งเรืองของอเมริกา เรื่องการจะหาที่จอดนั้นมันยากมากจริงๆ พวกคนรวยเขาก็เลยซื้อที่ไหนซักที่เพื่อไว้จอดรถสุดรักของเขา มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสำหรับที่นี่
อันดับ 13. เตียงลอยด้วยสนามแม่เหล็ก – 1.6 ล้านดอลลาร์  (ราว 56.6 ล้านบาท)

เตียงที่ลอยอยู่กลางอากาศนี้ถูกคิดค้นโดย Janjaap Ruijssenaars สถาปนิกชื่อดัง โดยมันได้คำยกย่องจากนิตยสาร TIME ว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในปี 2006 เตียงนี้จะลอยอยู่เหนือพื้นประมาณ 30-50 เซนติเมตร และสามารถรับน้ำหนักได้ถึง 900 กิโลกรัมเลยทีเดียวเชียว!! หลักการคือการใช้พลังงานของสนามแม่เหล็กโลกเป็นแรงดันนั่นเอง ไม่มีอันตรายต่อมนุษย์แน่นอน (ถ้าไม่มีโลหะติดตัวละก็นะ)
อันดับ 12. เปียโนคริสตัล – 3.22 ล้านดอลลาร์ (ราว 113.36 ล้านบาท)

เปียโนคริสตัลหลังนี้เคยถูกใช้ในงานเปิดโอลิมปิคเกมส์ ณ ที่กรุงปักกิ่ง และมันถูกประมูลต่อไปในราคา 3.22 ล้านเหรียญโดยเศรญฐีผู้หนึ่งไม่ได้ออกนาม แน่นอนว่าเสียงของมันต้องเพราะราวกับเสียงของรฆังสวรรค์เลยทีเดียวเชียว
อันดับ 11. ภาพถ่ายที่ชื่อว่า Rhein II – 4.3 ล้านดอลลาร์ (ราว 152.3 ล้านบาท)

ภาพถ่าย Rhein II นี้ ถูกถ่ายโดย Andreas Gursky ช่างภาพศิลปินทัศนศิลป์ชาวเยอรมนี ในปี 1999 ถ่ายที่แม่น้ำไรน์ (Rhine River) ซึ่งภาพที่ดูสุดแสนจะธรรมดานี้ กลับถูกประมูลไปด้วยเงินสูงถึง 4.3 ล้านเหรียญ ในปี 2011 จึงทำให้มันกลายเป็นภาพถ่ายที่มีราคาสูงที่สุดในประวัติศาสตร์
อันดับ 10. รถสปอร์ท Bugatti Veyron ชุบทองคำแท้ – 10 ล้านดอลลาร์ (ราว 354 ล้านบาท)

รถคันสปร์ทสุดหรูคันนี้ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษให้กับเศรษฐีหมื่นล้านคนหนึ่งในตะวันออกกลาง บอกได้เลยว่ามันคุ้มค่าแล้วสำหรับเขา แต่อย่างเรารึ ได้แต่มองแล้วก็มองต่อไป
อันดับ 9. ชิ้นงานศิลปะ "ซากฉลาม" – 12 ล้านดอลลาร์ (ราว 425.12 ล้านบาท)

ผลงานชิ้นนี้ถูกเรียกกันจนติดปากว่า "ซากฉลาม" แต่จริงๆแล้วมันมีชื่อเรียกแบบอื่นอยู่ว่า "The Physical Impossibility of Death in the Mind of Someone Living" สรีระที่ไม่น่าจะเป็นไปได้หลังความตายในความทรงจำของใครสักคนที่ยังมีชีวิต) ผลงานชิ้นนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1991 โดย Damien Hirst ศิลปินชาวอังกฤษ โดยการนำเอาศพของฉลามเสือมาเก็บรักษาเอาไว้ด้วยการแช่ลงในสารฟอร์มาลดีไฮด์ ซึ่งมันถูกซื้อไปโดยผู้จัดการกองทุนป้องกันความเสี่ยงคนหนึ่งไม่ไม่ประสงค์ออกนาม
อันดับ 8. ชื่อโดเมนเว็บไซต์ "insure.com" – 16 ล้านดอลลาร์ (ราว 566.95 ล้านบาท)

ตามที่ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ ชื่อโดเมนนี้ถือเป็นเป็นชื่อโดเมนที่แพงที่สุดในโลกที่เคยถูกขายไป และโดเมนนี้เป็นตกเป็นกรรมศิทธิของบริษัทการตลาด Quinstreet ในแคลิฟอร์เนีย
อันดับ 7. นาฬิกาที่ทำจากอัญมณีกว่า 201 กะรัต – 25 ล้านดอลลาร์ (ราว 885.86 ล้านบาท)

นาฬิกาข้อมือสุดหรูและสุดแพงนี้เป็นของยี่ห้อ Chopard ประกอบด้วยเพชรจำนวนทั้งสิ้นกว่า 874 เม็ด (เพชรทรงหัวใจ น้ำหนัก 15 กะรัตเพชรชมภูหนึ่งเม็ด 12 กะรัตเพชรฟ้าหนึ่งเม็ด และ 11 กะรัตเพชรใสอีกหนึ่งเม็ด และเพชรเหลืองและขาวรวยรอบบนตัวเรือนอีกกว่า 163 กะรัต) รวมแล้วมีน้ำหนักถึง 201 กะรัต นั่นเองคือที่มาของชื่นาฬิกาหรูนี้ว่า The Chopard 201-carat Watch (ปัจจุบันยังไม่มีนาฬิกาข้อมือเรือนไหนแพงไปกว่าเรือนนี้แล้ว)
อันดับ 6. เพชรสีชมพูจาก The Graff – 46 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.62 พันล้านบาท)

เพชรสีชมพูที่มีชื่อเสียงนี้ มักถูกนำไปเปรียบเทียบบ่อยครั้งกับสีของแชมเปญ ซึ่งมหาเศรษฐีพันล้านชาวอังกฤษนามว่า Laurence Graff ได้ประมูลมันไปได้จากงานประมูล the Sotheby ในราคาสูงถึง 46 ล้านดอลลาร์ สมราคาแล้วสำหรับเพชรสีชมภูที่หายากเม็ดนี้ที่มีน้ำหนักถึง 24 กะรัต!!
อันดับ 5. Ferrari GTO ปี 1963 – 52 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.84 พันล้านบาท)

1963 Ferrari 250 GTO คันนี้ถือเป็นรถยนต์ที่มีการซื้อขายกันในราคาที่แพงที่สุดในโลก ณ ตอนนี้เลย มันถูกขายให้กับนักสะสมชาวอังกฤฏผู้หนึ่ง ที่ไม่ประสงค์ออกนาม (ไหนใครว่ารถราคาลดตามการออกเสียง??) 
อันดับ 4. ภาพสีน้ำมัน The Card Players – 275 ล้านดอลลาร์ (ราว 9.74 พันล้านบาท)

The Card Players นี้เป็นหนึ่งของชุดภาพสีน้ำมันของ Paul Cézanne จิตรกรชาวฝรั่งเศสศิลปะสไตล์โพสต์อิมเพรสชันนิสม์ ซึ่งหนึ่งในภาพวาดของชุดนี้ถูกชายให้กับราชวงศ์ผู้สูงศักดิ์แห่งกาตาร์ ในราคาเกือบ 300 ล้านดอลลาร์ นั่นก็ทำให้ผลงานนี้กลายเป็นผลงานศิลปะสีน้ำมันที่แพงที่สุดอันดับ 2 ของโลกที่ถูกซื้อขาย (รองลงมาจากผลงาน Interchange โดย Willem de Kooning)
อันดับ 3. บ้านพักตากอากาศ Villa Leopolda – 506 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.79 หมื่นล้านบาท)

คฤหาสถ์ (บ้านพักตากอากาศ) Villa Leopolda หลังนี้เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในเมือง Villefranche-sur-Mer ประเทศฝรั่งเศส ในอดีตที่นี่เคยเป็นโรงพยาบาลที่ถูกใช้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ปัจจุบัน ได้ถูกปรับปรุงใหม่และปล่อยขายให้แก่คนที่อยากได้มันไปครอบครองด้วยราคา 506 ล้านดอลลาร์แค่นั้นเอง
อันดับ 2. ตึก Antilia – 1 พันล้านดอลลาร์ (ราว 3.54 แสนล้านบาท)

ตึกนี้ถูกตั้งชื่อตามเกาะในตำนาน แต่สิ่งเดียวที่ทำให้ตึกนี้เป็นตำนานนั่นก็คือราคาของมัน เจ้าของตึกนี้คืออภิมหาเศรษฐีชาวอินเดีย Mukesh Ambani ตึกสูง 34 ชั้นบ้านพักอาศัยของเขาหลังนี้ ที่ถูกออกแบบให้ทนต่อแรงแผ่นดินไหว มีลานสำหรับจอดเฮลิคอปเตอร์ถึง 3 ลำ และลานจอดรถที่รถสามารถเข้าไปจอดได้มากถึง 160 คัน และด้วยขนาดของตึกที่มหึมานี้ จึงจำเป็นต้องจ้างพนักงานถึง 600 คนเพื่อให้ดูแลได้เต็มเวลา
อันดับ 1. เรือยอชท์ "History Supreme" – 4.5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.59 ล้านล้านบาท)

อย่ามองว่ามันก็แค่เรือ!! เรือยอชท์รำนี้ สร้างขึ้นมาจากทองคำบริสุทธิ์และทองคำขาวทั้งลำ และยังมีรูปปั้นไดโนเสาร์ที่ทำจากกระดูกของไดโนเสาร์จริงๆประดับอยู่ภายในด้วย มันถูกซื้อไปโดยนักธุรกิจชาวมาเลเซียคนหนึ่งแน่นอนอีกเช่นเคย ไม่ประสงค์ออกนาม ราคาของเรือรำนี้ เอาไปทำประโยชน์ให้กับสังคมได้อีกไม่รู้เท่าไร เฮ้อ... คนรวย!
ถ้าเป็นคุณ คุณมีเงินเหลือขนาดนี้ คุณจะเอาไปซื้ออะไร??